แขนกลหุ่นยนต์ (Industrial Robot) ชนิดใดบ้างที่นิยมในวงการอุตสาหกรรม

       à¸ªà¸³à¸«à¸£à¸±à¸šà¹ƒà¸™à¸¢à¸¸à¸„ปัจจุบันแขนกลหุ่นยนต์ (Industrial Robot) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญกับวงการอุตสาหกรรมในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากแขนกลหุ่นยนต์เป็นเครื่องจักรที่ถูกออกแบบควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติโดยการเขียนโปรแกรมให้เคลื่อนที่ได้อย่างน้อย 3 แกนหรือมากกว่า ซึ่งแขนกลหุ่นยนต์ (Industrial Robot) สามารถออกแบบให้ยึดอยู่กับที่หรือย้ายตำแหน่งไปมาได้ตามความเหมาะสมของประเภทงานที่จะใช้ในงานอุตสาหกรรมนั้นๆ โดยการแบ่งชนิดของหุ่นยนต์จะแบ่งตามลักษณะรูปทรงของพื้นที่ทำงาน (Envelope Geometric) ของจุดต่อ (Joint) ของหุ่นยนต์สามารถแบ่งได้ 2 แบบ ดังนี้ 1. ชนิด Revolute (R) เป็นการหมุนรอบแกน (Rotary) 2.Prismatic (P) เป็นการเคลื่อนที่เชิงเส้น (Linear motion) และเมื่อนำจุดต่อของหุ่นยนต์ทั้งสองแบบมาต่อเข้าด้วยกันอย่างน้อย 3 แกนหลักจะได้พื้นที่ทำงาน ( Work envelope) ที่มีลักษณะแตกต่างกันไปก็จะได้ประเภทแขนกลหุ่นยนต์ต่างๆ ใช้ในวงการอุตสาหกรรม

 

แขนกลหุ่นยนต์ (Industrial Robot)

 

 

ประเภทของแขนกลหุ่นยนต์ที่นิยมใช้ในวงการอุตสาหกรรม ได้แก่


1. Cartesian (Gantry) Robot แกนทั้ง 3 ของแขนกลหุ่นยนต์จะเคลื่อนที่เป็นแบบเชิงเส้น (Prismatic) ถ้าโครงสร้างมีลักษณะคล้าย Overhead Crane จะเรียกว่าเป็นหุ่นยนต์ชนิด Gantry แต่ถ้าหุ่นยนต์ไม่มีขาตั้งหรือขาเป็นแบบอื่น เรียกว่า ชนิด Cartesian

ข้อดี

1. เคลื่อนที่เป็นแนวเส้นตรงทั้ง 3 มิติ
2. การเคลื่อนที่สามารถทำความเข้าใจง่าย
3. มีส่วนประกอบง่ายๆ
4. โครงสร้างแข็งแรงตลอดการเคลื่อนที่


ข้อเสีย

1. ต้องการพื้นที่ติดตั้งมาก
2. บริเวณที่หุ่นยนต์เข้าไปทำงานได้ จะเล็กกว่าขนาดของตัวหุ่นยนต์
3. ไม่สามารถเข้าถึงวัตถุจากทิศทางข้างใต้ได้
4. แกนแบบเชิงเส้นจะ Seal เพื่อป้องกันฝุ่นและของเหลวได้ยาก


การประยุกต์ใช้งาน

เนื่องจากโครงสร้างมีความแข็งแรงตลอดแนวการเคลื่อนที่ ดังนั้นจึงเหมาะกับงานเคลื่อนย้ายของหนักๆ หรือเรียกว่างาน Pick-and-Place เช่น ใช้โหลดชิ้นงานเข้าเครื่องจักร (Machine loading) ใช้จัดเก็บชิ้นงาน (Stacking) นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในงานประกอบ (Assembly) ที่ไม่ต้องการเข้าถึงในลักษณะที่มีมุมหมุน เช่น ประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และงาน Test ต่างๆ

2. Cylindrical Robot หุ่นยนต์ประเภทนี้จะมีแกนที่ 2 (ไหล่) และแกนที่ 3 (ข้อศอก) เป็นแบบ Prismatic ส่วนแกนที่ 1 (เอว) จะเป็นแบบหมุน (Revolute) ทำให้การเคลื่อนที่ได้พื้นที่การทำงานเป็นรูปทรงกระบอก

 à¸‚้อดี

1. มีส่วนประกอบไม่ซับซ้อน
2. การเคลื่อนที่สามารถเข้าใจได้ง่าย
3. สามารถเข้าถึงเครื่องจักรที่มีการเปิด – ปิด หรือเข้าไปในบริเวณที่เป็นช่องหรือโพรงได้ง่าย (Loading) เช่น การโหลดชิ้นงานเข้าเครื่อง CNC


ข้อเสีย

1. มีพื้นที่ทำงานจำกัด
2. แกนที่เป็นเชิงเส้นมีความยุ่งยากในการ Seal เพื่อป้องกันฝุ่นและของเหลว


การประยุกต์ใช้งาน

โดยทั่วไปจะใช้ในการหยิบยกชิ้นงาน (Pick-and-Place) หรือป้อนชิ้นงานเข้าเครื่องจักร เพราะสามารถเคลื่อนที่เข้าออกบริเวณที่เป็นช่องโพรงเล็กๆ ได้สะดวก

3. Spherical Robot (Polar) มีสองแกนที่เคลื่อนในลักษณะการหมุน (Revolute Joint) คือแกนที่ 1 (เอว) และแกนที่ 2 (ไหล่) ส่วนแกนที่ 3 (ข้อศอก) จะเป็นลักษณะของการเคลื่อนที่แนวเส้นตรง 

ข้อดี

1. มีปริมาตรการทำงานมากขึ้นเนื่องจากการหมุนของแกนที่ 2 (ไหล่)
2. สามารถที่จะก้มลงมาจับชิ้นงานบนพื้นได้สะดวก


ข้อเสีย

1. มีระบบพิกัด (Coordinate) และส่วนประกอบ ที่ซับซ้อน
2. การเคลื่อนที่และระบบควบคุมมีความซับซ้อนขึ้น


การประยุกต์ใช้งาน

ใช้ในงานที่มีการเคลื่อนที่ในแนวตั้ง (Vertical) เพียงเล็กน้อย เช่น การโหลดชิ้นงานเข้าออกจากเครื่องปั้ม (Press) หรืออาจจะใช้งานเชื่อมจุด (Spot Welding)

 

 à¹à¸‚นกลหุ่นยนต์


4. SCARA Robot จะมีลักษณะแกนที่ 1 (เอว) และแกนที่ 3 (ข้อศอก) หมุนรอบแกนแนวตั้ง และแกนที่ 2 จะเป็นลักษณะการเคลื่อนที่ขึ้นลง (Prismatic) ซึ่งหุ่นยนต์ SCARA จะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วในแนวระนาบ และมีความแม่นยำสูง

ข้อดี

1. สามารถเคลื่อนที่ในแนวระนาบ และขึ้นลงได้รวดเร็ว
2. มีความแม่นยำสูง


ข้อเสีย

1. มีพื้นที่ทำงานจำกัด
2. ไม่สามารถหมุน (rotation)ในลักษณะมุมต่างๆได้
3. สามารถยกน้ำหนัก (Payload) ได้ไม่มากนัก


การประยุกต์ใช้งาน

เนื่องจากการเคลื่อนที่ในแนวระนาบและขึ้นลงได้รวดเร็วจึงเหมาะกับงานประกอบชิ้นส่วนทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งต้องการความรวดเร็วและการเคลื่อนที่ก็ไม่ต้องการการหมุนมากนัก แต่จะไม่เหมาะกับงานประกอบชิ้นส่วนทางกล (Mechanical Part) ซึ่งส่วนใหญ่การประกอบจะอาศัยการหมุน (Rotation)ในลักษณะมุมต่างๆ นอกจากนี้ SCARA Robot ยังเหมาะกับงานตรวจสอบ (Inspection) งานบรรจุภัณฑ์ (Packaging)

5. Articulated Arm ทุกแกนการเคลื่อนที่จะเป็นแบบหมุน (Revolute) รูปแบบการเคลื่อนที่จะคล้ายกับแขนคน ซึ่งจะประกอบด้วยช่วงเอว ท่อนแขนบน ท่อนแขนล่าง ข้อมือ การเคลื่อนที่ทำให้ได้พื้นที่การทำงาน 

ข้อดี

1. เนื่องจากทุกแกนจะเคลื่อนที่ในลักษณะ ของการหมุนทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในการเข้าไปยังจุดต่างๆ
2. บริเวณข้อต่อ (Joint) สามารถ Seal เพื่อป้องกันฝุ่น ความชื้น หรือน้ำ ได้ง่าย
3. มีพื้นที่การทำงานมาก
4. สามารถเข้าถึงชิ้นงานทั้งจากด้านบน ด้านล่าง
5. เหมาะกับการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า เป็นชุดขับเคลื่อน


ข้อเสีย

1. มีระบบพิกัด (Coordinate) ที่ซับซ้อน
2. การเคลื่อนที่และระบบควบคุมทำความ เข้าใจได้ยากขึ้น
3. ควบคุมให้เคลื่อนที่ในแนวเส้นตรง (Linear) ได้ยาก
4.โครงสร้างไม่มั่นคงตลอดช่วงการเคลื่อนที่ เพราะบริเวณขอบ Work Envelope ปลายแขนจะ
5. มีการสั่น ทำให้ความแม่ยำลดลง


การประยุกต์ใช้งาน

หุ่นยนต์ชนิดนี้สามารถใช้งานได้กว้างขวางเพราะสามารถเข้าถึงตำแหน่งต่างๆ ได้ดี เช่น งานเชื่อม Spot Welding, Path Welding, งานยกของ, งานตัด, งานทากาว, งานที่มีการเคลื่อนที่ยากๆ เช่น งานพ่นสี งาน Sealing ฯลฯ

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า Industrial Robot นั้นมีหลากหลายประเภท แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่หุ่นยนต์อุตสาหกรรมมีประโยชน์เหมือนกัน คือ สามารถช่วยทุ่นแรงในการทำงานต่าง ๆ แทนมนุษย์ได้เป็นอย่างดี เช่น งานยกสินค้าจากสายงานการผลิต งานประกอบ งานเชื่อม งานตัด เป็นต้น

 

บริษัท ไอ.เอ็ม.อี. รีโวลูชั่น จำกัด


       à¸šà¸£à¸´à¸©à¸±à¸— ไอ.เอ็ม.อี. รีโวลูชั่น จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตเครื่องจักรระบบอัตโนมัติที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจร เช่น เครื่องประกอบชิ้นงาน แขนกลหุ่นยนต์ เครื่องจักรระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์หยิบจับชิ้นงาน รถขนถ่ายวัสดุอัตโนมัติ เครื่องตรวจสอบและทดสอบชิ้นงาน เครื่องประกอบชิ้นงาน เป็นต้น ซึ่งทางบริษัทฯ รับออกแบบและผลิตเครื่องจักรระบบอัตโนมัติทุกชนิด โดยมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี industrial robot ตั้งแต่ช่วยลูกค้าตัดสินในเรื่องการลงทุน ด้านออโตเมชั้น การติดตั้ง การฝึกอบรมการใช้งาน รวมถึงการดูแลรักษาซ่อมบำรุง มีอะไหล่ให้เปลี่ยนตามอายุการใช้งาน
---------------------------------------------------------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง
มาทำความรู้จัก บริษัท ไอ.เอ็ม.อี. รีโวลูชั่น จำกัด
รถขนถ่ายวัสดุอัตโนมัติ สุดยอดตัวช่วยสำหรับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์
ตอบโจทย์การประกอบชิ้นงานสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วย “เครื่องประกอบชิ้นงาน” เทคโนโลยีสุดล้ำ 

 

____________________________________________________

 

สนใจชมข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน Marketplace

 

www.brandexdirectory.com
เว็บไซต์รวมสินค้าอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ของประเทศไทย

 

www.pagesthai.com
เว็บไซต์รวมรายชื่อโรงงานผลิต ซับคอนแทรค และบริการ

 

www.Brand.co.th
เว็บรวมสินค้าแบรนด์และผู้ผลิตสินค้าแบรนด์

 

www.eeczone.com
เว็บรวมรายชื่อผู้ประกอบการภาคตะวันออก

ระบบไฟฟ้าสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม

ระบบไฟฟ้ามีความสำคัญอย่างไรกับโรงงานอุตสาหกรรม

         à¹‚รงงานอุตสาหกรรมจำเป็นต้องใช้กระแสไฟฟ้าจำนวนมากในการขับเคลื่อนเครื่องจักรในโรงงาน ซึ่งสิ่งสำคัญของระบบการจ่ายและควบคุมไฟฟ้าในโรงงาน จำเป็นต้องมีการการออกแบบระบบไฟฟ้าโรงงานให้เป็นไปตามข้อกําหนดของมาตรฐาน โดยเลือกระบบการจ่ายและการควบคุมให้เหมาะสมกับการใช้งาน รวมไปถึงความปลอดภัยในการควบคุมการจ่ายไฟฟ้าในโรงงานเนื่องจากระบบไฟฟาที่ใช้มีหลายระบบ การจ่ายไฟฟ้าที่ดี ควรพิจารณาเลือกใช้อุปกรณ์การจ่ายไฟฟ้าให้เหมาะสม และต้องมีการบำรุงรักษาระบบการจ่ายไฟฟ้าอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอนั้น จะทำให้สามารถใช้งานระบบการจ่ายไฟฟ้าได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย

 

ระบบไฟฟ้า

 

ระบบไฟฟ้า

 

 

ปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงหากต้องการติดตั้งระบบไฟฟ้าโรงงานอุตสาหกรรม ได้แก่


1. ขนาดของโรงงาน 
เป็นปัจจัยแรกที่ต้องคำนึง เพราะมีผลต่อการเลือกระดับแรงดันของกระแสไฟฟ้า การลงทุนซื้ออุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการติดตั้งระบบฟ้า เช่น ตู้สวิทซ์บอร์ด ตู้MDB ตูคอนโทรล สายไฟ เบรกเกอร์ หม้อแปลงไฟฟ้า เป็นต้นโดยขนาดของโรงงานอุตสาหกรรมนั้นจะมีตั้งแต่ขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ซึ่งอัตราค่าไฟฟ้ามาตรฐานที่การไฟฟ้าฯ ใช้ควบคุมการใช้จะแตกต่างกัน ดังนี้
- โรงงานขนาดเล็ก จะต้องเชื่อมต่อกับระบบแรงดันต่ำของการไฟฟ้า
- โรงงานขนาดกลาง สามารถขอเลือกใช้และเชื่อมต่อระบบของการไฟฟ้าที่ระดับแรงดันต่าง ๆ ที่มีอยู่ในระยะห่างที่โรงงานมีความสามารถลงทุนได้ ตู้สวิทซ์บอร์ด อัตราค่าไฟฟ้าก็จะแตกต่างกันตามระดับแรงดันที่ขอใช้
- โรงงานขนาดใหญ่ สามารถขอเลือกใช้และเชื่อมต่อระบบของการไฟฟ้าที่ระดับแรงดันที่ต้องการได้เช่นกัน แต่เดิมอัตราค่าไฟฟ้าจะคิดตามช่วงเวลาของวัน 


2. กระบวนการผลิตของอุตสาหกรรม 
เนื่องจากอุตสาหกรรมในประเทศไทยนั้นมีหลากหลายประเภท แต่อุตสาหกรรมบางประเภทจะมีกระบวนการผลิตที่ต้องใช้ความต่อเนื่องในการผลิต ส่งผลให้คุณภาพของไฟฟ้ามีผลกระทบต่อการผลิตของโรงงานและจำเป็นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยให้มาก และบางอุตสาหกรรมจะใช้ไฟฟ้าในการผลิตเป็นลักษณะกระชากเป็นช่วง ๆ ทำให้อาจส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าต้นทาง และผู้ใช้ไฟฟ้าในบริเวณใกล้เคียงได้ ดังนั้นกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมเป็นปัจจัยชี้นำในการลงทุน เพื่อคุณภาพของระบบไฟฟ้าของโรงงาน เพราะถ้าหากระบบไฟฟ้าขัดข้องบ่อยจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของธุรกิจได้


3. ประเภทของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงาน 

         à¸­à¸¸à¸›à¸à¸£à¸“์ที่ใช้สำหรับจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังส่วนต่างของโรงงานอุตสาหกรรมจำเป็นต้องสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน เนื่องจากแหล่งจ่ายไฟมีระดับที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นจะขึ้นอยู่กับประเภทของอุปกรณ์ไฟฟ้าและลักษณะการใช้งาน ระบบไฟฟ้าของโรงงาน จะต้องออกแบบให้เป็นต้นกำลังที่เหมาะสมและปลอดภัยเพียงพอกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จะต้องใช้ในโรงงาน ซึ่งการวางระบบที่เหมาะสมจะสามารถเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าได้หลากหลาย สนองความต้องการในกระบวนการผลิตของโรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ

4. ทุนรวมถึงความเสี่ยงในการหยุดการผลิต 

         à¸ªà¸³à¸«à¸£à¸±à¸šà¸à¸²à¸£à¸•à¸´à¸”ตั้งระบบไฟฟ้าโรงงานจะต้องมีศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน เพราะโดยปกติแล้วผู้ประกอบการมักจะเลือกช่องการลงทุนที่ใช้งบประมาณต่ำที่สุด แต่ทางเลือกที่กำหนดขึ้นเป็นโจทย์ที่จะต้องอยู่บนพื้นฐานของปัจจัยทั้งสี่ข้อที่กล่าวมาข้างต้นของแต่ละโรงงาน ในการออกแบบระบบไฟฟ้าควรออกแบบให้มีทางเลือกหลาย ๆ ทาง ในการวิเคราะห์ความเหมาะสมทางเศรษฐศาสตร์ และความแม่นยำในการประมาณการของวิศวกรผู้ออกแบบ จะช่วยทำให้ผลการวิเคราะห์ในการตัดสินใจของผู้บริหารของโรงงานแม่นยำขึ้น


ทั้งนี้ประเภทของอุปกรณ์ไฟฟ้าเบื้องต้นที่ต้องใช้งาน อาทิเช่น  à¸­à¸¸à¸›à¸à¸£à¸“์ระบบปรับอากาศ ,ตู้แช่แข็ง ,ห้องเย็น ,มอเตอร์ไฟฟ้า ,หม้อแปลงไฟฟ้า ,ระบบควบคุม ,เครื่องกำเนิดไฟฟ้า  à¸­à¸¸à¸›à¸à¸£à¸“์ electronic และ computer และอีกมากมาย ๆ  à¸‹à¸¶à¹ˆà¸‡à¸à¸²à¸£à¸­à¸­à¸à¹à¸šà¸šà¸£à¸°à¸šà¸šà¹„ฟฟ้าควรคำนึงถึงความเหมาะสมและความปลอดภัยเพียงพอกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จะต้องใช้ในโรงงานหากมีการออกแบบระบบไฟฟ้าที่เหมาะสมเราก็จะสามารถเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าได้อย่างหลากหลายและยังตอบสนองความต้องการในส่วนของกระบวนการผลิตของโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ติดตั้งระบบไฟฟ้า

 

ระบบไฟฟ้า

 

บำรุงรักษาและบริการตู้ควบคุมไฟฟ้า


         à¸—ั้งนี้ประเภทของอุปกรณ์ไฟฟ้าเบื้องต้นที่ต้องใช้งาน อาทิเช่น  à¸­à¸¸à¸›à¸à¸£à¸“์ระบบปรับอากาศ ,ตู้แช่แข็ง ,ห้องเย็น ,มอเตอร์ไฟฟ้า ,หม้อแปลงไฟฟ้า ,ระบบควบคุม ,เครื่องกำเนิดไฟฟ้า  à¸­à¸¸à¸›à¸à¸£à¸“์ electronic และ computer และอีกมากมาย ๆ  à¸‹à¸¶à¹ˆà¸‡à¸à¸²à¸£à¸­à¸­à¸à¹à¸šà¸šà¸£à¸°à¸šà¸šà¹„ฟฟ้าควรคำนึงถึงความเหมาะสมและความปลอดภัยเพียงพอกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จะต้องใช้ในโรงงานหากมีการออกแบบระบบไฟฟ้าที่เหมาะสมเราก็จะสามารถเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าได้อย่างหลากหลายและยังตอบสนองความต้องการในส่วนของกระบวนการผลิตของโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

         à¸šà¸£à¸´à¸©à¸±à¸— ที.ที.คอนโทรล ซิสเต็มส์ จำกัด à¹€à¸£à¸²à¹ƒà¸«à¹‰à¸šà¸£à¸´à¸à¸²à¸£ à¸•à¸´à¸”ตั้งตู้ MDB ประกอบตู้ MDB ผลิตตู้สวิทซ์บอร์ด ติดตั้งตู้สวิทซ์บอร์ด à¸‹à¹ˆà¸­à¸¡à¸•à¸¹à¹‰à¸„อนโทรล ประกอบตู้คอนโทรล ซ่อมบำรุงตู้สวิทซ์บอร์ด รับเหมาออกแบบตู้สวิทซ์บอร์ด ประกอบตู้สวิทซ์บอร์ด ตู้คอนโทรลไฟฟ้า ติดตั้งตู้คอนโทรลไฟฟ้า ประกอบตู้คอนโทรลไฟฟ้า à¸‹à¹ˆà¸­à¸¡à¸•à¸¹à¹‰à¸ªà¸§à¸´à¸—ซ์บอร์ด ออกแบบตู้คอนโทรล à¸•à¸´à¸”ตั้งตู้คอนโทรล และจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูง-แรงต่ำ ตู้สวิทซ์บอร์ด ตู้คอนโทรล à¸•à¸¹à¹‰ MDB ( Main Distribution Board ) ตู้ควบคุมไฟฟ้า 

------------------------------------------------------------------------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง
• à¸•à¸¹à¹‰à¸ªà¸³à¸«à¸£à¸±à¸šà¸„อนโทรลระบบไฟฟ้ามีกี่ประเภท 
แนะนำวิธีการตรวจเช็คบำรุงรักษาตู้คอนโทรลเพื่อให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน
บริการออกแบบติดตั้งตู้สวิทซ์บอร์ดและตู้คอนโทรล โดยที.ที.คอนโทรล ซิสเต็มส์ 

 

____________________________________________________

 

สนใจชมข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน Marketplace

 

www.brandexdirectory.com
เว็บไซต์รวมสินค้าอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ของประเทศไทย

 

www.pagesthai.com
เว็บไซต์รวมรายชื่อโรงงานผลิต ซับคอนแทรค และบริการ

 

www.Brand.co.th
เว็บรวมสินค้าแบรนด์และผู้ผลิตสินค้าแบรนด์

 

www.eeczone.com
เว็บรวมรายชื่อผู้ประกอบการภาคตะวันออก

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15